ห้องโถงที่นำสู่ชั้นสามของปราสาทก็มีภาพขนาดใหญ่ตั้งอยู่ คราวนี้เป็นภาพของคนคนหนึ่งที่สวมเครื่องยศหลากสีสัน ภาพบันทึกพิธีสถาปนาพระราชาคณะแห่งนิกายออร์โทด็อคซี่ ท่านเลสเตอร์ปรากฏตัวในครั้งนี้พร้อมกับรอยยิ้มชั่วขณะ ก่อนที่จะเล่าเรื่องในวัยเยาว์ของเขา และโชคชะตาที่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
การอุปสมบท
ด้วยสายเลือดของเชื้อพระวงศ์แห่งตระกูลเดอรอสโซ่ ท่านเลสเตอร์เติบโตมาอย่างเป็นที่รักยิ่งของพ่อแม่ ผู้คน และแม้แต่องค์ราชาก็เอ็นดูท่านเลสเตอร์ เป็นชีวิตวัยเด็กที่โชคดีจริงๆ เมื่อย่างเข้าสู่วัยสิ้บเก้าปี องค์ราชาก็ทรงแนะนำให้เลสเตอร์เข้าพิธีอุปสมบทในนิกายคริสตัลแอดเวนทิสต์ ซึ่งปัจจุบันถูกเรียกว่าความเชื่อโบราณไปเสียแล้ว เลสเตอร์เข้ารับตำแหน่ง และทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อนิกาย องค์ราชา และเพื่อความสุขของประชาชน
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจมากขึ้นภายในนิกายแอดเวนทิสต์ ซึ่งกลุ่มนั้นเสนอว่า คริสตัลทั้งสี่ในโลกนี้ ไม่ควรอยู่ภายใต้การครอบครองขององค์ราชาและผู้นำที่แตกต่างกัน แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์กลาง หรือก็คือกลุ่มความเชื่อใหม่ นี่คือจุดเริ่มต้นของนิกายออร์โทด็อคซี่
องค์ราชาแห่งอีเทอร์เนียที่ได้ปกครองคริสตัลแห่งพสุธามานานแสนนานก็สนับสนุนความเคลื่อนไหวนี้อย่างทันทีทันใด อาจจะเพราะด้วยการสนับสนุนขององค์ราชา ลอร์ดเดอรอสโซ่จึงได้กลายเป็นพระราชาคณะแห่งนิกายออร์โทด็อคซี่ ตำแหน่งผู้ทรงอำนาจ
การเปลี่ยนแปลงจากแอดเวนทิสต์ไปเป็นออร์โทด็อคซี่สิ้นสุดลง เหลือเพียงการเลือกตั้งองค์พระสังฆราช เหล่านักบวชจึงรวมตัวกันเพื่อประชุมเรื่องตั้งพระสังฆราช หลังจากการประชุมจบลงไม่นาน ท่านลอร์ดเดอรอสโซ่ก็ได้รับการติดต่อจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมอบบรรณาการให้ แลกกับคะแนนเสียงของเขา
แต่เนื่องจากท่านลอร์ดยังทรงงานได้ไม่นาน ความเชื่อใหม่นี้ก็มีกลิ่นของการคอร์รัปชั่นแล้ว ท่านลอร์ดจึงปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป และภายในสี่เดือนนั้น การเลือกตั้งองค์พระสังฆราชก็สิ้นสุดลงด้วยการฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิด ลอร์ดเลสเตอร์ถูกขับไล่ออกจากคณะนักบวช
ความเชื่อโบราณและนิกายออร์โทด็อคซี่ อาณาจักรอีเทอร์เนียและดัชชีอีเทอร์เนีย เมื่อต้องเจอคำศัพท์ยากๆมากมาย อีเดียกับทิซก็ดูเหมือนจะเอ๋อไปเลย อันเนสจึงอธิบายว่า นิกายแอดเวนทิสต์ถูกกลืนกินไปโดยความรุ่งเรืองของนิกายออร์โทด็อคซี่ ด้วยความจริงอันยิ่งใหญ่จากคำสอนของคนรุ่นถัดๆมา ลอร์ดเดอรอสโซ่จึงคัดค้านอย่างใจเย็น แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าว่า
ผู้ชนะในประวัติศาสตร์ได้รับสิทธิ์ที่จะหัวเราะเยาะผู้แพ้เพื่อที่จะเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งของตัวเองทั้งนั้นแหละ ผู้ที่มีอำนาจในนิกายออร์โทด็อคซี่ต่างเทศนาความเน่าเฟะของนิกายแอดเวนทิสต์ และเปลี่ยนแปลงยุคสมัยนั้นให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ และในเวลาไม่นาน ผู้ที่นับถือนิกายแอดเวนทิสต์ก็หมดสิ้นเสียงที่จะป่าวประกาศใดๆออกไป เลือนหายไปจากความทรงจำของคนรุ่นถัดไปตลอดกาล
จากการบรรยายของลอร์ดเดอรอสโซ่ การต่อสู้ระหว่างนิกายแอดเวนทิสต์และออร์โทด็อคซี่ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงรุ่งเรืองของนิกายออร์โทด็อคซี่อย่างที่ประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ แต่หลังจากที่โลกนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของธงแห่งออร์โทด็อคซี่ต่างหาก
"ฉันน่าจะรู้แต่แรกนะ" เขาพูดออกมา "ทั้งๆที่ฉันได้อยู่ที่นั่นเพื่อตอบโต้มันแท้ๆ" รอยยิ้มของเขานั้นแสนเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความเหน็บแนม
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งนั้น ความเข้าใจผิดของฝั่งแอดเวนทิสต์ ที่เกิดจากการถูกบุกรุกอยู่ฝ่ายเดียว และบทสรุปที่เกิดจากชัยชนะอันเด็ดเดี่ยวของนิกายออร์โทด็อคซี่นั้นเป็นเพียงเรื่องกุขึ้นมาทั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงจากความเชื่อโบราณไปยังความเชื่อใหม่นั้นจริงๆแล้วเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างสันติ ไร้ซึ่งการสูญเสียเลือดเนื้อใดๆอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก
หมายเหตุ : The Vampire Gallery นี่เป็น Notes ในตอนที่ทุกๆคนเข้าไปในปราสาทแวมไพร์ ทางฝั่งตะวันตกของทวีป Eternia โดยบทนี้จะกล่าวถึงอดีตของโลก Luxendarc ตั้งแต่เมื่อ 2400 ปีก่อน
ถ้าจบเควสนี้จะได้อาชีพแวมไพร์มาใช้ครับ
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งนั้น ความเข้าใจผิดของฝั่งแอดเวนทิสต์ ที่เกิดจากการถูกบุกรุกอยู่ฝ่ายเดียว และบทสรุปที่เกิดจากชัยชนะอันเด็ดเดี่ยวของนิกายออร์โทด็อคซี่นั้นเป็นเพียงเรื่องกุขึ้นมาทั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงจากความเชื่อโบราณไปยังความเชื่อใหม่นั้นจริงๆแล้วเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างสันติ ไร้ซึ่งการสูญเสียเลือดเนื้อใดๆอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก
หมายเหตุ : The Vampire Gallery นี่เป็น Notes ในตอนที่ทุกๆคนเข้าไปในปราสาทแวมไพร์ ทางฝั่งตะวันตกของทวีป Eternia โดยบทนี้จะกล่าวถึงอดีตของโลก Luxendarc ตั้งแต่เมื่อ 2400 ปีก่อน
ถ้าจบเควสนี้จะได้อาชีพแวมไพร์มาใช้ครับ

No comments:
Post a Comment